สุดยอดนักแบดมินแห่งยุค เทาฟิค ฮิดายัต
เตาฟิค ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักแบดมินตันที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดคนหนึ่งแม้ว่าจะถูกค่อนขอดในเรื่องของนิสัยบ้างก็ตาม จุดสูงสุดของ เตาฟิค คือการที่เขาก้าวขึ้นไปคว้าเหรียญทองแบดมินตันชายเดี่ยว โอลิมปิก ที่เอเธนส์ ปี 2004 ก่อนจะคว้าแชมป์โลกต่อในปี 2005 จากนั้นฟอร์มของ เตาฟิค แผ่วลงไป อีกทั้งยังมีคู่แข่งอย่าง หลินตัน และ ลี ชอง เหว่ย ก้าวขึ้นมาทาบรัศมีทำให้ผลงานของเขาเริ่มที่จะร่วง สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง เตาฟิค เองก็ได้ประกาศข่าวช็อกให้กับแฟนๆ แบดมินตัน อินโดนีเซียและทั่วโลกทราบเมื่อเขาเตรียมเลิกเล่นในปีหน้า ”หลังจากโอลิมปิกที่ลอนดอน ผมตัดสินใจว่าจะลงเล่นอีก 10 ทัวร์นาเมนต์ นี่คือรายการแรก” เตาฟิคกล่าวไว้ระหว่างการแข่งขัน แจแปน โอเพ่น ”ผมจะเลิกเล่นหลังจบรายการ อินโดนีเซียน โอเพ่น ในปีหน้า” ปีนี้ เตาฟิค ย่างเข้าสู่วัย 31 ยังไม่ได้แชมป์เลยแม้แต่รายการเดียวซึ่งตัวเขาเองก็ดูจะไม่ใส่ใจมากนัก ”ผมพอใจกับระดับการเล่นของตัวเองที่ยังสามารถเล่นในระดับสูงได้อยู่” ”ถึงปีนี้ผมจะยังไม่ได้แชมป์แต่ก็เข้าชิงชนะเลิศถึง 3 รายการ ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเท่าไรก็จริงแต่ก็หวังว่าจะทำให้ได้ดีที่สุดในช่วงเวลาที่เหลือ” จากผลงานเก่าๆ ที่สะสมมา เตาฟิค น่าจะถูกยกขึ้นหิ้งในฐานะสุดยอดนัก แบดมินตันคนหนึ่งของวงการเพราะเขาได้แชมป์รายการใหญ่มาครบถ้วน โอลิมปิก, ชิงแชมป์โลก, เอเชียนเกมส์ รวมไปถึง โธมัส คัพ และ สุธีรมาน คัพ ที่เป็นการแข่งขันประเภททีม ทั้งหมดนี้ เตาฟิค ชนะมาเรียบวุธ น่าเสียดายที่ เตาฟิค ไม่สามารถต่อยอดผลงานอันกระหึ่มของเขา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้าตัวจัดเป็นนักแบดมินตันอารมณ์ศิลป์ ลักษณะนิสัยที่ทุกคนรู้จัก เตาฟิค คือการที่เป็นคนที่ค่อนข้างจะไร้ระเบียบวินัย อยากเล่นก็เล่นหรือถ้าไม่พอใจอะไรขึ้นมาก็พร้อมจะถอนตัวทันที ปี 2007 สมัยที่ เตาฟิค มาแข่งขันซีเกมส์ที่ไทย ผมเคยสัมภาษณ์เขาถึงมุมมองที่สื่อจ้องเล่นงานเขาว่าเป็นนักแบดมินตันเจ้าปัญหา ”คุณไปเอามาจากไหน” เตาฟิค สวนทันที ”สื่ออยากจะเขียนข่าวอะไรก็เขียนไป ผมก็เป็นของผมแบบนี้ ”ตอนนี้ผมมีหน้าที่ซ้อม ผมก็ซ้อม เมื่อถึงเวลาลงแข่งขันผมก็ลงแข่งขัน ถ้าใครจะมีปัญหาผมคิดว่าเป็นเรื่องของเขาแล้ว” การได้สัมผัสกับ เตาฟิค ตัวเป็นๆ ในครั้งนั้นช่วยยืนยันว่าตัวของเขาเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง หากใครรักก็คงจะรักมากแต่ถ้าใครเกลียดก็คงจะเกลียดมาก อดีตมือ 1 ของโลกได้ฝากทั้งฝีไม้ลายมือและลีลานอกสนามที่ไม่มีใครจับทางได้ในวงการแบดมินตัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อ เตาฟิค เลิกไปแบดมินตันน่าจะขาดสีสันไปมากแต่ที่เสียหายที่สุดเห็นจะไม่พ้นอินโดนีเซีย ทุกวันนี้ แบดมินตันของอินโดนีเซียกำลังเข้าสู่ยุคตกต่ำ ทีมชายยังพอไหวแต่ทีมหญิงนี่เข้าขั้นอาการหนัก ถ้าหากทีมชายต้องเสีย เตาฟิค ไปจะเหลือเพียงแค่ ไซม่อน ซานโตโซ่ และ โซนี่ ดวี่ คุนโคโร่ ซึ่งต้องบอกว่ายวบไปบาน สมัยก่อน แบดมินตันของอินโดนีเซีย เคยเกรียงไกรเกาะอยู่ในระดับหัวแถวของโลกแต่ทุกวันนี้มีแต่สาละวันเตี้ยลงเอาแค่ในระดับอาเซียนยังลำบาก แต่ไม่ว่ายังไงก็คงจะเปลี่ยนใจของ เตาฟิค ได้ยากเพราะสไตล์ของเขาแล้วพูดคำไหนคำนั้นยากที่จะคืนคำ อีก 9 รายการที่เหลือ เตาฟิค ก็คงจะเล่นเต็มที่เพื่อหวังจะซิวสักแชมป์เป็นของขวัญก่อนวันอำลา
Link: St. Louis BluesAudio shortcode: